5 สุดยอด “ชา” ต้นตำรับญี่ปุ่นที่ต้องไปลองแล้วจะติดใจ

Last updated: 9 ก.พ. 2566  |  7179 จำนวนผู้เข้าชม  | 

5 สุดยอด “ชา” ต้นตำรับญี่ปุ่นที่ต้องไปลองแล้วจะติดใจ

 
 
 
ชา ถือเป็นเครื่องดื่มประจำชาติอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่นเช่นเดียวกับสาเก แต่เดิมชาเคยถูกใช้มาทำเป็นยาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังก่อนจะมีการพัฒนานำชามาทำเป็นเครื่องดื่มที่เห็นในปัจจุบัน ว่ากันว่าญี่ปุ่นได้นำเข้าชามาจากประเทศจีนซึ่งเป็นต้นกำเนิดของชา โดยในช่วงแรกๆ ที่ญี่ปุ่นจะดื่มแค่ชาเขียวเท่านั้นและก็ดื่มเฉพาะกลุ่มคนชนชั้นสูงและนำมาใช้เป็นยาสำหรับทางการแพทย์เท่านั้น ต่อมาพระเอไซซึ่งเป็นพระญี่ปุ่นก็ได้นำเมล็ดพันธุ์ชาเขียวจากจีนมาเพาะปลูกที่ภูเขาเซบุริซังในประเทศญี่ปุ่นและได้แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ชาเขียวให้กับพระรูปอื่นที่อยู่เกียวโตนำไปปลูกที่วัด หลังจากนั้นชาก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ และได้มีการนำมาทำเป็นเครื่องดื่มจนเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน โดยชาที่ญี่ปุ่นนั้นมีมากมายหลายชนิด ครั้งนี้เอฟวีนิวทัวร์เลยอยากจะแนะนำชาที่เป็นต้นตำรับและนิยมดื่มกันมากที่สุดในญี่ปุ่น จะมีชาอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยค่า

 

1. ชาเซนฉะ (Zencha)

       ในบรรดาของชาเขียว “ชาเซนฉะ” ถือเป็นชาที่คนส่วนใหญ่นิยมดื่มกันมากที่สุด เพราะด้วยรสชาติอันหอมหวานและมีรสฝาดนิดๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงกลายเป็นชาเขียวที่อยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน และมักจะพบได้ที่ร้านอาหารทั่วไปในญี่ปุ่น นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี และสารคาเทชิน (Catechin) ที่ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ รวมถึงช่วยเพิ่มความจำและดักจับไขมันได้อีกด้วย ชาจะอร่อยได้ก็ต้องมีกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน “ชาเซนฉะ” ก็เหมือนกัน ซึ่งวิธีการเก็บยอดอ่อนของใบชา จะเก็บในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ หรือในช่วงเดือนมีนาคมนั่นเอง หลังจากนั้นภายใน 12-20 ชม. และจะต้องนำยอดอ่อนของใบชามาผ่านความร้อนประมาณ 15-20 นาที เพื่อความสวยงามของใบชาและยังคงคุณประโยชน์เอาไว้อยู่

 

2. เกียวคุโระ (Gyokuro)

    เกียวคุโระ ถือเป็นชาชั้นสูงที่สุดในบรรดาของชาเขียวและมีราคาแพงมาก ที่มีราคาแพงก็เพราะว่ามีการปลูกอย่างทะนุถนอม ต้องควบคุมอุณหภูมิของต้นชาไม่ให้โดนแสงแดดอยู่ตลอด เป็นเวลา 20-30 วัน ก่อนจะเก็บใบชา เพื่อให้ได้กลิ่นที่หอมและรสชาติที่หวานกลมกล่อมละมุนลิ้น แต่จะมีรสฝาดน้อยกว่าชาเขียวรูปแบบอื่น เพราะด้วยการปลูกในร่มทำให้ต้นชาโดนแสงแดดน้อยจึงทำให้สารคาเทคิน ที่ทำให้เกิดรสฝาดมีน้อยกว่าชารูปแบบอื่นนั่นเอง นอกจากความหอมหวานแล้วน้ำชายังมีสีเขียวอ่อนสวยงามรวมถึงสารที่มีประโยชน์อีกเพียบเลย ไม่ว่าจะเป็น สารเธียอะนิน ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย กรดอะมิโน โพแทสเซียม วิตามินซี และคาเฟอีนที่มากว่าชาชนิดอื่นๆ โดยชาเขียวประเภทนี้จะนิยมใช้ในงานพิธีการต่างๆ เพราะราคาค่อนข้างสูงและหาซื้อได้ยากมาก จะผลิตเพียงปีละไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก

 


3. มัทฉะ (Matcha)

    มัทฉะ เป็นชาเขียวของญี่ปุ่นที่คนไทยรู้จักกันดี เพราะเป็นชาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแถบเอเชียและตะวันตก โดยตัวน้ำชาจะมีลักษณะสีเขียวที่โดดเด่นและมีกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ รวมถึงมีรสชาติที่ถูกปาก แต่จะแตกต่างจากชาเขียวรูปแบบอื่นตรงที่ น้ำชาจะไม่เป็นสีใส ทั้งยังเป็นชาพื้นเมืองของคนญี่ปุ่นที่จะนิยมดื่มกันใน “พิธีชงชา” อีกด้วย นอกจากนี้ “ชามัทฉะ” ยังจะประกอบไปด้วยสารอาหารที่ให้คุณประโยชน์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สารแอล-อะลานิน เป็นสารที่ให้พลังงานและช่วยให้ร่างกายชะลอการดูดซึมของคาเฟอีน รวมถึงสารแอล-ธีอะนีน เป็นสารเฉพาะที่อยู่ในชาและเห็ดบางชนิดเท่านั้น ซึ่งสารชนิดนี้จะมีฤทธิ์ช่วยทำให้ผ่อนคลายและลดความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี นอกจากทำเป็นเครื่องดื่มได้แล้ว ผงชามัทฉะยังสามารถนำมาดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันได้อีกด้วยน้า โดยการนำผงชามาทำเป็นไอศกรีมชาเขียว นมอัลมอนต์ใส่ชาเขียว บิงซูโรยด้วยผงชาเขียว และอีกหลากหลายเมนูเลยล่ะ ซึ่งวิธีการทำชามัทฉะ เราจะใช้ส่วนของใบชาที่เด็ดมาสดๆ นำมาตากให้แห้ง จากนั้นนำไปบดให้ละเอียดจนกลายเป็นผงด้วยโม่หิน ก่อนนำไปทำการชงชา


 

4. โฮจิฉะ (Hojicha)

       เมื่อนึกถึงชาที่เหมาะสมกับเด็กๆ และคนป่วยต้องนี่เลย “ชาโฮจิฉะ” เพราะว่าเป็นชาที่มีสารคาเฟอีนและสารเธียอะนินที่ทำให้เกิดรสฝาดน้อยกว่าชาเขียวชนิดอื่นมาก เนื่องจากมีการใช้ไฟแรงๆในการคั่วใบชา โดยใบชาที่คนญี่ปุ่นนิยมนำมาคั่วให้เป็นโฮจิฉะนั้น ได้แก่ เซนฉะ บังฉะ และคุคิฉะหรือชาที่ทำจากก้านชา ซึ่งจะมีกลิ่นหอมกรุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ตัวน้ำชาจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ มีรสชาติอ่อน ดื่มง่ายไม่มีรสฝาด จึงสามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัย คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะนิยมดื่มกันแบบเย็นๆ มากกว่า เพราะจะทำให้รู้สึกสดชื่นและกระชุ่มกระชวยร่างกายได้เป็นอย่างดี

 
 

5. บันฉะ (Bancha)

       บันฉะ เป็นชาเขียวที่คนส่วนใหญ่นิยมดื่มกันในชีวิตประจำวัน ด้วยราคาที่ไม่แพงและมีวิธีการชงที่ง่ายไม่ต้องควบคุมอุณหภูมิความร้อนให้ยุ่งยากทั้งยังมีคุณประโยชน์เทียบเท่ากับชาเกรดพรีเมี่ยมชนิดอื่นๆ อีกด้วย ในส่วนของการปลูกบันฉะนั้นจะเหมือนกับเซนฉะเลย แต่บันฉะจะเป็นใบชาที่ถูกเก็บเป็นครั้งที่สอง หรือเรียกว่า ใบชานอกฤดูกาล ซึ่งจะเก็บในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นเท่านั้น โดยน้ำชาจะมีรสชาติหวานน้อยสดชื่น สามารถดื่มได้ทุกวัน
 
จะกินชาให้อร่อยก็ต้องกินคู่กับขนมหวานของญี่ปุ่นด้วยนะรู้ยัง!! ขนมหวานในญี่ปุ่นที่อร่อยๆ นั้นมีมากมาย แต่ถ้าจะเอามากินคู่กับน้ำชาก็ต้องนี่เลย! ขนมไดฟุกุ ขนมเซมเบ้ และขนมดังโงะ เป็นขนมที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยของคนญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ ด้วยกลิ่นที่หอมละมุนและมีรสชาติที่หวานอร่อย ยิ่งถ้านำมากินคู่กับน้ำชาของญี่ปุ่นแล้วละก็เป็นอะไรที่ลงตัวที่สุดเลยล่ะค่า

 

ขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก pixabay.com

 
 
  
 
 ชมบทความอื่นๆ 
 
 

 ชอบบทความ เอฟวีนิวทัวร์ ทำยังไงนะ?
 1. กดแชร์ส่งต่อ ให้เพื่อนๆ อ่านกันได้ค่ะ
2. อย่าลืม กด Like กด Follow (ติดตาม) กันที่ช่องทาง Facebook, Instagram, Twitter และ Subscribe ช่อง YouTube ของเราด้วยนะคะ
 
 02-108-8666  

 
 
 
AVENUE INTER TRAVEL GROUP
 
 
 
  
 
 
#ชาโบราณ #ชาเขียวญี่ปุ่น #สุดยอดชาต้นตำรับ #ประเทศญี่ปุ่น #เอเชีย #ยุโรป #ชำนาญยุโรป
#ทัวร์สุดคุ้ม #รับจัดทัวร์ #รับจัดทัวร์หมู่คณะ #เราชำนาญเส้นทางยุโรปและเอเชีย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้